วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

"ความทรงจำที่ไม่ต้องเสียบปลั๊ก"


วันนี้มานั่งสแกนฟิล์มที่ที่ทำงานไปพลางๆ

ระหว่างที่นั่งทำงานไปด้วย

นึกขึ้นได้ว่าเคยคุยกันเรื่อง 

"ความทรงจำที่ไม่ต้องเสียบปลั๊ก" 
(อันนี้เป็นคำของน้าอ้อน)

ที่เคยคุยกันเล่นๆที่ร้านเหล้ากะน้าอ้อนและจ่าดำ


เรื่องมันมาจาก

"เฮ้ย ได้ดูรูปที่ป๋ามะยม ปริ้นมามั่งป่าว"

"ได้อารมณดีเนอะ"

"ดีกว่าดูในคอม"

บลาๆๆๆ

เดี๋ยวนี้คนปริ๊นท์รูป อัดรูปกันน้อยลง
หรือแทบจะไม่ได้อัดรูปมาชื่นชมกันเลย
ส่วนใหญ่ถ่ายรูปมาด้วยกล้องดิจิตอล

โหลดลงคอมพิวเตอร์เสร็จ

เปิดดู

แล้วก็ทิ้งมันไว้ในฮาร์ดดิสก์อย่างนั้น

ไม่ได้เหลียวแลมันอีก

นานๆครั้งที่นึกถึงจึงไปค้นหามาเปิดดูอีกครั้ง

ผมไม่ปฏิเสธเทคโนโลยี่

ไม่เถียงด้วยว่าดิจิตอลนั้นแสนจะสะดวก
ค้นหาก็รวดเร็วกว่า
ติด tag อะไรก็ได้
ถ่ายมาเมื่อไหร่ก็รู้
ที่ไหนยังรู้เลย
งานตกแต่งก็สวยงามรวดเร็ว

แต่เหมือนเราจะรีบเคี้ยวรีบกลืนยังไงก็ไม่รู้
ความละเมียดชื่นชมกับรูปแต่ละรูปลดลง


เราไม่สามารถจ้องจอคอมพิวเตอร์ได้นานๆเหมือนจ้องกระดาษ
รูปบางรูปต้องการเวลา
บางครั้งมองรูปนั้นนานๆ
ความทรงจำก็ย้อนกลับมาเหมือนกับไทม์แมชชีนเชียว (^^

ผมชอบพลิกดูรูปถ่ายจากอัลบั้ม
มากกว่าดูหน้าจอคอมพิวเตอร์

ผมชอบเขียนอะไรด้านหลังรูปถ่าย
มากกว่านั่งทำ tag บนคอมพิวเตอร์

แน่ละ
คนมีคนบ่นว่า
หูย..รูปเป็นพันๆจะมานั่งทำอย่างนั้นได้ไง

ก็อย่าถ่ายเยอะสิครับ
เลือกเฉพาะที่เด็ดๆแล้วค่อยกดชัตเตอร์


ตั้งแต่กล้องดิจิตอลเริ่มราคาถูก
จนผู้คนสามารถจับต้องได้
กล้องฟิล์มก็เริ่มหายไปเรื่อยๆ
พอๆกับการอัดรูป

เมื่อก่อนเราเห็นโฆษณาฟิล์มบ่อยมาก
มีแทบทุกช่วงเวลาของวัน

เดี๋ยวนี้ไม่เห็นแม้แต่อันเดียว

ผมนึกแปลกใจว่า
บริษัทฟิล์ม หรือบริษัทหมึกพิมพ์ หรือแม้แต่บริษัทผลิตกระดาษอัดรูป
ทำไมไม่ผุดแคมเปญเช่นนี้มาบ้าง

"ความทรงจำทีี่่ไม่มีวันเลือนหาย"

"ความสุขที่ไม่ต้องเสียบปลั๊ก"

ลองดูรูปด้านล่างสิครับ

รูปแม่ผมสมัยมัธยมยังอยู่เลย

ตั้งเกือบห้าสิบปีแล้วมั้ง

ถ้าเป็นดิจิตอลไฟล์
อาจหายไปตอนไวรัสกินคอมหรือตอนไฟกระชาก

หรือถ้าไรท์ลงซีดี
ก็ต้องก๊อปปี้ใหม่ทุกๆ 2-5 ปี
ไม่งั้นก็หายเกลี้ยงเหมือนกัน


ถ่ายฟิล์มหรือดิจิตอลก็ได้

แต่เรามาอัดรูปกันเถอะ!!



mom-1r

ไม่มีความคิดเห็น: